อยม่อนอังเกตุ ยอดดอยสูง ในเขต อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เส้นทาง ออฟโรด ผ่านขุนเขาสลับ ซับซ้อน และผ่าน หมู่บ้านชาวเขา หลายชนเผ่า ทั้ง กะเหรี่ยง ลีซอ ดอยม่อนอังเกตุ สูงจากระดับน้ำทะเล 1840 เมตร ตั้งอยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าปางขุม บ้านปางขุม หมู่ที่ 1 ตำบลยั้งเมิน อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้นกำเนิดของลำน้ำสำคัญ 4 สาย คือ ขุนน้ำสา ขุนน้ำเลย ขุนน้ำแม่สาบและขุนน้ำแม่จุม ลำน้ำสำคัญทั้ง 4 สายจะไหลไปรวมกันเป็นลงสู่แม่น้ำปิง

และบนยอดดอยม่อนอังเกตุ ยังมองเห็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลีซอ และเผ่ากะเหรี่ยง ได้อีกด้วย ซึ่งจุดสูงสุดบนม่อนอังเกตุเราสามารถมองเห็นผืนป่าฝั่งได้รอบทิศทางไม่ว่าจะเป็นทางฝั่ง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน อ.แม่แจ่ม, อ.แม่แตง, ห้วยจ้อ, ห้วยน้ำดัง, ดอยหลวงเชียงดาว และดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ถือได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทยเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญที่ม่อนอังเกตุ เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปี นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสะเมิง และจากที่อื่นๆ มักจะมานอนกางเต้นท์ และตื่นเช้าๆเพื่อมาชมทะเลหมอกท่ามกลางทิวสน อากาศหนาวที่ม่อนอังเกตุ กันอย่างคับคั่งเลยทีเดียว

ารเดินทางสามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง

เส้นทางแรก จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ประมาณ 37 กม. ถึงตลาดแม่มาลัยให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1095 ประมาณ 30 กม. จะมีป้ายบอกทางไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าปางขุม จากนั้นจะเป็นเส้นทางลูกรังและลาดชันไปจนถึงดอยม่อนอังเกตุรวมระยะทางประมาณ 15 กม. พิกัด : 19.213538, 98.640197

เส้นทางที่ 2 ใช้เส้นทางจากอำเภอสะเมิง ไปทางบ้านแม่สาบเหนือ มุ่งหน้าไปบ้านยั้งเมิน โดยใช้เส้นทางหลวงชนบทหมายเลข 1349 ไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางจนถึงม่อนอังเกตุ

เรื่องเล่าศาลเจ้าแม่อังเกตุ

มีเรื่องเล่าตำนานที่คนเฒ่าคนแก่เล่าต่อๆกันมา ถึงที่มาของ “ม่อนอังเกตุ” ว่า แต่ก่อนหลายร้อยปีที่แล้ว มีเจ้าเมืององค์หนึ่งมีนามว่า “พ่อพญา” ท่านมีอุปนิสัยอย่างหนึ่งคือ ชอบตีรังต่อหลวง หรือ พญาต่อ เพื่อเอารังเอาน้ำผึ้ง มาทำอาหาร ทำให้ต่อและพญาต่อบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่รู้กันดีว่าทั้งพ่อพญา และ พญาต่อ ต่างก็กลายเป็นศัตรูกันมาตลอดและเนิ่นนาน  วันหนึ่ง ต่อหลวงได้ไปล่วงรู้มาว่าพ่อพญานั้นรักแม่นางอังเกตุ ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวคนนี้อย่างสุดหัวใจตามวิสัยของคนเป็นบิดา ต่อหลวงได้ทีที่จะแก้แค้น จึงได้คิดอุบายลักลอบเข้าไปในเวียงวัง แล้วบินไปคาบแม่นางอังเกตุลูกสาวของพ่อพญาออกจากวังกลางดึก โบยบินออกมาจนรุ่งสาง พญาต่อก็หมดแรงจึงได้นำแม่นางอังเกตุมาทิ้งไว้ที่ม่อนแห่งหนึ่งบนท้องที่อำเภอสะเมิง พอพ่อพญารู้เข้าว่าลูกสาวตนโดนลักพาตัวโดยพญาต่อหลวง ก็รีบออกตามหาจนมาเจอแม่นางอังเกตุลูกสาวได้ที่ม่อนแห่งนี้ แต่ครั้นหมายจะรับลูกสาวกลับเวียงวัง แม่นางอังเกตุก็ไม่ยอมกลับ เพราะแม่นางอังเกตุรู้ว่าบิดาของตน ทำกรรมสร้างบาปไว้ักับพญาต่อไว้มากมาย นางจึงขออธิฐานปวารณาตัวว่าจะขออยู่ใช้กรรมแทนบิดาอยู่บนม่อนนี้ให้หมดเวรกรรมกันสิ้นไป

พ่อพญาอ้อนวอนแม่นางอังเกตุ ให้กลับเวียงวังอยู่เนิ่นนานหลายวันก็ไม่เป็นผล พ่อพญาเลยตัดอกตัดใจทำตามความตั้งใจของแม่นางอังเกตุลูกสาวอันเป็นที่รัก ที่จะขออยู่บำเพ็ญบุญชดใช้กรรมแทนผู้เป็นบิดาอยู่บนม่อนแห่งนี้ บิดาท่านเลยจัดส่งช้าง เสือ แม่นม และองครักษ์คู่ใจให้มาดูแลแม่นางอังเกตุ หลายสิบปีผ่านไป แม่นางอังเกตุก็ยังคงอยู่บำเพ็ญบุญอยู่บนม่อนแห่งนี้ จวบจนวาระสุดท้าย ก่อนสิ้นใจแม่นางอังเกตุก็กำชับไว้ว่าหากสิ้นบุญแล้ว ก็ให้ฝังร่างของนางไว้ที่นี่เพื่อเป็นอนุสรณ์ และเมื่อถึงคราวสิ้นบุญ ร่างของแม่นางอังเกตุจึงถูกชาวบ้านฝังไว้บนม่อนแห่งนี้ตามปรารถนา ชาวบ้านท้องถิ่นจึงได้นำชื่อของ “แม่นางอังเกตุ” มาตั้งเป็นชื่อม่อน นามว่า “ม่อนอังเกตุ” พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างศาลเจ้าแม่อังเกตุ ไว้เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตราบจนกระทั่งปัจจุบัน

Gallery


Location


เส้นทางที่จะขึ้นม่อนอังเกตุ ถือว่าโหดใช้ได้เหมือนกัน แต่ปัจจุบันถือว่าดีกว่าสมัยก่อนเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วมากก ตอนนี้ทางอำเภอก็พยายามปรับปรุงให้เส้นทางขึ้นมา ไม่ลำบากมาก ก็พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เพื่อนๆก็คงต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษนะครับ

อขอบคุณข้อมูลดีๆและภาพสวยๆจากทุกคนนะครับ