หลายๆคน อาจจะนึกไม่ออกเลยว่า หลังจากผ่านช่วงเทศกาลสตรอเบอร์รี่และของดีเมืองสะเมิงแล้ว อำเภอสะเมิงจะมีที่เที่ยวที่ไหนได้อีก? ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะตอบ แต่มันก็เป็นคำถามที่แม้แต่เจ้าถิ่นคนสะเมิงเอง ก็ยากที่จะคลายคำถามให้หายสงสัยได้เหมือนกัน

เป็นข้อมูลอย่างที่หลายๆคนรู้กันว่า อำเภอสะเมิงนั้นมีพื้นที่ลาดลุ่มอยู่น้อยมาก พื้นที่ส่วนใหญ่ ที่มีคนอาศัยอยู่ส่วนมากจะเป็นพื้นที่ในหุบเขา มีภูเขาสูงใหญ่ล้อมรอบ ฉนั้นพื้นที่ในการทำเกษตรจึงเป็นพื้นที่เกษตรบนที่สูงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งด้วยความได้เปรียบ(รึเปล่านะ)ข้อนี้เอง จึงทำให้พืชเมืองหนาวหลายๆชนิด เมื่อนำมาปลูกที่อำเภอสะเมิง จึงงอกงามให้ผลผลิตได้เป็นอย่างดี อย่างที่รู้จักกันดีเช่น สตรอเบอร์รี่ อโวคาโด้ แคฟกูซเบอร์รี่ ฯลฯ ฉนั้นพื้นที่อำเภอสะเมิง จึงถือได้ว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกดีเยี่ยมอีกแห่งหนึ่งก็ว่าได้

Mindful Farm

การท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการท่องเที่ยวสะเมิงในยามฝนโปรยปรายมาเช่นนี้ ยิ่งช่วงนี้กระแสการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ ถือได้ว่าเป็นกระแสสังคมอีกกระแสหนึ่งที่มาแรงมากกกก ยุคนี้คงหมดยุคของการท่องเที่ยวแบบนอนที่นอนขนเป็ด อาบน้ำแร่ เดินช้อปปิ้งในห้าง ตื่นเช้ามาเสริฟ์อาหารเช้าบนเตียง และลาจากแบบไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอีกต่อไป

ยุคนี้จึงเป็นยุคทองของฟาร์มสเตย์ โฮมสเตย์ สถานที่ต้องเน้นความเรียล มีความชิคและต้องฮิปอยู่ในตัว เน้นมีสตอรี่ถึงจะขายได้ ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา mindful farm ที่นี่มีครบหมด

ช่วงเวลานี้ จึงถือว่าเป็นโอกาสของคนตัวเล็กๆของคนพื้นถิ่นอย่างอำเภอสะเมิง ที่เริ่มจะเปิดบ้านต้อนรับคนแปลกหน้า ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมการกินอยู่หลับนอน ร่วมกันกับเพื่อนๆนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ๆที่แวะเวียนเข้ามา จึงทำให้สะเมิงช่วงกรีนซีซั่นแบบนี้ดูคึกคักไม่เงียบเหงา มีชีวิตชีวาไม่แตกต่างจากช่วงไฮซีซั่นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

เที่ยวที่นี่ แล้วได้อะไร?

นอกจากมาจะได้มาเรียนรู้ ดูการเตรียมดิน การปลูก และการเก็บเกี่ยวพืชผักอินทรีย์แล้ว เรายังได้มาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์จริงๆ ท่ามกลางหุบเขาโอบล้อม ได้ทำสมาธิก่อนนอน มีอาหารมังสวิรัติอินทรีย์รับประทานทั้งสามมื่้อ และมีกิจกรรมต่างๆที่เราสามารถเลือกเข้าร่วมได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำโยคะ การเล่นดนตรี การทำอาหาร ฯลฯ หรือบางครั้งโอกาสเหมาะๆ ทางไร่ก็พาไปร่วมกิจกรรมต่างๆภายในชุมชนปางเติมด้วยก็มี ถือว่าเพิ่มเป็นประสบการณ์แปลกใหม่อีกหลายบทให้กับเพื่อนๆได้เติมเต็มกัน และที่สำคัญที่สุด การได้เข้ามาร่วมกิจกรรมกับคนในชุมชนที่นี่ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนที่นี่ ยอมรับเลยว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนตอนเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ กลับบ้านตจว. พร้อมครอบครัวเพื่อมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่ปางเติม นับว่าเป็นอีกทริปที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นได้ดีไม่น้อยเลยทีเดยวนะ เล่าไปก็อาจจะนึกไม่ออก คงต้องลองมาสัมผัสกันเองนะครับ :)

กิจกรรมต่างๆของที่นี่มีบอกไว้อย่างง่ายๆ ใครใคร่ร่วมก็มาจอยกัน ใครใคร่นอนก็ไม่ว่ากัน

การเดินทางมา

เส้นทางที่จะเดินทางมาที่ไร่นั้นไม่ยากเลย ถนนลาดยางตลอดเส้นทาง ให้เดินทางมาถึงอำเภอสะเมิง แล้วเดินทางต่อโดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1349 มาจนถึงสี่แยกบ้านแม่สาบ ให้ตรงไปโดยใช้เส้นทางหลวงชนบทหมายเลข 4021 เดินทางไปจนถึงวัดปางเติม แต่เมื่อถึงบ้านปางเติมแล้ว ทางเข้าไร่อาจจะโลดโผนนิดหน่อยสำหรับคนที่จะเอารถเก๋งมา เพราะเส้นทางเข้าไร่ค่อนข้างจะลำบาก รถเก๋งไม่แนะนำครับ แนะนำให้เอารถไว้ที่วัดปางเติม และเดินเท้ามาจะดีที่สุดครับ ตลอดทางเดินเท้าจะมีป้ายบอกทางเข้าไร่อย่างชัดเจน รับรองหาง่ายมากๆครับ :)